รู้จักประเภทแอลกอฮอล์ที่ใช้ในน้ำหอม ทำไมจึงสำคัญต่อกลิ่น
เมื่อพูดถึง แอลกอฮอล์ในน้ำหอม หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพียงตัวทำละลาย (solvent) ที่ใช้เจือจางหัวน้ำหอมเท่านั้น แต่ในความจริงแล้ว แอลกอฮอล์มีบทบาทที่สำคัญมากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของ การพากลิ่น (carrier), ความทนทานของกลิ่น (longevity), การกระจายตัวของกลิ่น (diffusion) และแม้แต่ ความรู้สึกขณะใช้ (sensory experience)
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจประเภทของแอลกอฮอล์ที่นิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม และผลกระทบที่แตกต่างกันต่อคุณภาพของกลิ่น เพื่อช่วยให้คุณเลือกใช้แอลกอฮอล์ได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเริ่มต้นทำน้ำหอมหรือสนใจออกแบบกลิ่นหอม
ทำไมแอลกอฮอล์จึงจำเป็นในน้ำหอม?
แอลกอฮอล์ในน้ำหอมมีหน้าที่หลัก 3 ประการ คือ
1. เป็นตัวทำละลาย (Solvent) ทำให้หัวน้ำหอม (Perfume Oil) ละลายได้ดี และกระจายตัวสม่ำเสมอ
2. เป็นตัวพากลิ่น (Carrier) ช่วยนำพากลิ่นให้ออกมาในอากาศเมื่อฉีด
3. ช่วยการระเหย (Evaporation) ทำให้กลิ่นฟุ้งกระจายได้ดี และแสดงออกของ Top, Middle, Base Notes ได้ชัดเจน
หากเลือกแอลกอฮอล์ผิดชนิด หรือคุณภาพต่ำ อาจทำให้กลิ่นเพี้ยน ติดไม่ทน หรือกระจายตัวไม่ดีเท่าที่ควร
ประเภทของแอลกอฮอล์ที่ใช้ในน้ำหอม
1. Ethanol 95-96% (Food Grade / Cosmetic Grade)
เป็นแอลกอฮอล์ชนิดบริสุทธิ์ที่นิยมมากที่สุดในน้ำหอม
ข้อดี
- ไม่มีกลิ่นรบกวน จึงไม่แทรกกลิ่นของหัวน้ำหอม
- ระเหยได้ดี ทำให้กลิ่นกระจายตัวได้สวย
- ปลอดภัยต่อผิว (หากใช้ในระดับ cosmetic grade)
ข้อควรระวัง
- ราคาสูงกว่าแอลกอฮอล์ทั่วไป
- บางประเทศมีกฎหมายควบคุมการจำหน่าย
2. Denatured Alcohol (Alcohol SD)
คือแอลกอฮอล์ที่ผ่านการเติมสารทำให้บริโภคไม่ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการนำไปดื่ม โดยยังสามารถใช้ในเครื่องสำอางได้ เช่น Alcohol SD 40-B หรือ Alcohol Denat.
ข้อดี
- นิยมใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมเชิงพาณิชย์
- ราคาย่อมเยา
- ระเหยเร็ว กลิ่นกระจายดี
ข้อควรระวัง
- อาจมีกลิ่นบางจาง ๆ จากสารเจือปน เช่น Bitrex หรือ Methanol
- อาจระคายเคืองต่อผิวในบางคน
3. Isopropyl Alcohol (IPA)
แม้จะไม่ใช่แอลกอฮอล์ที่ใช้ทำ Perfume โดยตรง แต่ IPA มักใช้ในการทำความสะอาดอุปกรณ์ หรือเป็นสารช่วยในกระบวนการบางอย่างเท่านั้น
ไม่แนะนำให้ใช้ IPA เป็น base ของน้ำหอม เพราะ มีกลิ่นฉุนแรง ไม่ปลอดภัยต่อผิว ไม่เหมาะกับการสูดดมในปริมาณมาก
แอลกอฮอล์มีผลต่อ "กลิ่น" อย่างไร?
การเลือกแอลกอฮอล์ที่เหมาะสม ส่งผลต่อกลิ่นเริ่มต้น (Top Notes) และ กลิ่นที่คงอยู่หลังฉีด (Dry-down) อย่างมาก เนื่องจาก
1. แอลกอฮอล์ช่วย เปิดกลิ่น ได้ไวหรือช้า ขึ้นกับระดับการระเหย
2. แอลกอฮอล์ที่มีสารปนเปื้อนอาจทำให้กลิ่นผิดเพี้ยนหรือมี "กลิ่นรอง" ที่ไม่ต้องการ
3. คุณภาพแอลกอฮอล์มีผลต่อความรู้สึกหลังฉีด เช่น เย็น สดชื่น หรือแสบผิว
แล้วควรเลือกแอลกอฮอล์แบบไหน?
Ethanol 95-96% Cosmetic Grade หากต้องการกลิ่นที่บริสุทธิ์ที่สุด
Alcohol SD 40-B หากต้องการความสะดวกและราคาที่เข้าถึงง่าย
หลีกเลี่ยง IPA หรือแอลกอฮอล์เทคนิคที่ใช้ในอุตสาหกรรมหนัก
️ข้อควรระวังในการใช้แอลกอฮอล์
ห้ามใช้แอลกอฮอล์สำหรับเชื้อเพลิงหรือทำความสะอาดผิวทั่วไป เพราะอาจมีสารเคมีตกค้าง
ควรเก็บแอลกอฮอล์ในที่แห้ง อุณหภูมิคงที่ และห่างจากแสงแดด
แอลกอฮอล์ติดไฟง่าย ควรระวังการใช้งานใกล้ความร้อนหรือเปลวไฟ
ถ้าอยากได้กลิ่นเฉพาะตัว แต่ไม่อยากยุ่งกับแอลกอฮอล์และสูตร?
หากคุณรู้สึกว่าเรื่องการเลือกแอลกอฮอล์นั้นซับซ้อนเกินไป หรือไม่มั่นใจในสัดส่วนของสูตร The Kingdom Scent มีทางเลือกสำหรับคุณ
เราให้บริการออกแบบกลิ่นเฉพาะบุคคล (Custom Fragrance Design) โดย Perfumer มืออาชีพ ที่จะช่วยคุณสร้างกลิ่นหอมในแบบที่ปลอดภัย ติดทน และสะท้อนความเป็นตัวคุณอย่างแท้จริง ไม่ต้องซื้อแอลกอฮอล์ ไม่ต้องปวดหัวกับการทดลองเอง!
สนใจบริการออกแบบกลิ่นเฉพาะ?
เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่: www.thekingdomscents.com