แชร์

Ambergris คืออะไร? เปิดตำนาน ‘อำพันแห่งท้องทะเล’

อัพเดทล่าสุด: 3 ก.ค. 2025

Ambergris คืออะไร?
Ambergris (อัมเบอร์กรีส) คือสารอินทรีย์หายากที่เกิดจากระบบย่อยอาหารของวาฬสเปิร์ม (Sperm Whale) ซึ่งวาฬอาจขับออกมาจากร่างกายโดยธรรมชาติ และเมื่อก้อนอัมเบอร์กรีสลอยอยู่ในทะเลเป็นเวลานาน ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี จนกลายเป็นวัตถุดิบที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมระดับสูง

อัมเบอร์กรีสถูกขนานนามว่าเป็น ทองคำแห่งโลกน้ำหอม หรือ อำพันแห่งท้องทะเล ด้วยคุณสมบัติในการช่วยตรึงกลิ่นให้ยาวนาน และมอบกลิ่นที่มีความซับซ้อน หรูหรา และอบอุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ


ที่มาของชื่อ "อำพันแห่งท้องทะเล"
ชื่อ Ambergris มาจากภาษาฝรั่งเศสโบราณ ambre gris ซึ่งแปลว่า อำพันสีเทา โดยหมายถึงลักษณะของก้อนอัมเบอร์กรีสที่มักมีสีเทาอมดำ ผิวขรุขระ น้ำหนักเบา และลอยน้ำได้ ลักษณะเหล่านี้แตกต่างจากอำพันทั่วไปที่เป็นเรซินจากต้นไม้ แต่ในวงการน้ำหอมกลับให้ค่าน้ำหนักกับอัมเบอร์กรีสมากกว่า เพราะเป็นวัตถุดิบที่หายากตามธรรมชาติ


กลิ่น Ambergris เป็นแบบไหน?
อัมเบอร์กรีสไม่ได้ให้กลิ่นฉุนหรือโดดเด่นเหมือนดอกไม้หรือผลไม้ แต่ให้กลิ่นที่ ซ่อนอยู่ และทำหน้าที่เสริมกลิ่นอื่นให้กลมกล่อมและติดทนนาน โดยลักษณะกลิ่นที่ผู้คนมักบรรยายไว้ คือ

- อบอุ่น (Warm): ให้ความรู้สึกคล้ายผิวอุ่น ๆ หรือกลิ่นกายสะอาด
- นวลนุ่ม (Soft & Smooth): กลิ่นละมุน ไม่แหลม ไม่สดจนเกินไป
- เค็มทะเล (Salty/Oceanic): มีโทนกลิ่นคล้ายลมทะเลที่สะอาดและลึก
- แอนิมาลิก (Animalic): ให้กลิ่นที่คล้ายกลิ่นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต เช่น ผิวหนังหรือขนสัตว์อย่างหรูหรา
- แป้งบางเบา (Powdery): บางครั้งให้กลิ่นสะอาดคล้ายแป้งเด็กแบบผู้ใหญ่

กลิ่นของอัมเบอร์กรีสจะไม่แสดงชัดเจนในช่วงแรก แต่จะค่อย ๆ โผล่มา ในช่วงที่น้ำหอมแห้ง (dry down) และกลายเป็นกลิ่นที่อบอุ่นติดผิวอย่างมีเสน่ห์


ทำไมอัมเบอร์กรีสถึงมีมูลค่าสูง?
1. หายากโดยธรรมชาติ อัมเบอร์กรีสไม่ได้เกิดขึ้นกับวาฬทุกตัว และแม้เกิดขึ้นก็ต้องลอยทะเลหลายปีจนผ่านกระบวนการทางธรรมชาติที่เหมาะสม

2. ต้องใช้เวลาในการพัฒนา จากก้อนดิบที่มีกลิ่นแรงและไม่หอม ต้องผ่านเวลาและกระบวนการบ่มให้กลายเป็นกลิ่นที่ใช้งานได้ในน้ำหอม

3. มีคุณสมบัติฟิกซาทีฟ (Fixative) สามารถตรึงกลิ่นน้ำหอมให้อยู่นานบนผิวได้ดีกว่าสารจากพืชหลายชนิด

4. มีกลิ่นเฉพาะตัว ให้มิติที่หรูหรา ซับซ้อน และแตกต่างจากวัตถุดิบทั่วไป

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ อัมเบอร์กรีสจึงกลายเป็นวัตถุดิบในฝันของนักปรุงน้ำหอม แม้ปัจจุบันจะมีสารทดแทนอย่าง Ambroxan หรือ Cetalox แต่กลิ่นและความลึกซึ้งของ Ambergris แท้ ยังคงมีเอกลักษณ์ที่เลียนแบบได้ยาก


ใครเหมาะกับกลิ่น Ambergris?
แม้กลิ่น Ambergris จะไม่ได้ชัดเจนแบบกลิ่นดอกไม้ แต่มีเสน่ห์แบบ เงียบ ๆ แต่ทรงพลัง เหมาะกับคนที่ต้องการความแตกต่างและบุคลิกที่น่าค้นหา ดังนี้

1. ผู้ที่ชื่นชอบความหรูหราแบบ understated
Ambergris ไม่ได้ให้กลิ่นฟุ้งหรือหวานจนเกินไป แต่ให้กลิ่นลึกและอบอุ่น เหมาะกับคนที่ต้องการแสดงตัวตนแบบสุขุม นิ่ง มั่นใจ

2. ผู้ที่ชอบน้ำหอมที่มีมิติและกลิ่นเปลี่ยนตลอดวัน
เพราะอัมเบอร์กรีสจะเผยตัวช้า ทำให้น้ำหอมมีกลิ่นที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างน่าสนใจตลอดวัน

3. คนที่มองหาน้ำหอมที่ไม่ซ้ำใคร
กลิ่นแนวนี้ไม่ใช่กลิ่นที่พบได้ทั่วไปในน้ำหอมเชิงพาณิชย์ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่อยากโดดเด่นแบบลึกซึ้ง


Ambergris คือวัตถุดิบในน้ำหอมที่หายากและล้ำค่าจากท้องทะเล มีกลิ่นเฉพาะตัวที่อบอุ่น ซับซ้อน และนุ่มนวลอย่างน่าหลงใหล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับน้ำหอมที่มีมิติ เป็นธรรมชาติ และแตกต่างจากกลิ่นที่พบทั่วไป กลิ่นของอัมเบอร์กรีสอาจไม่หวือหวาในทันที แต่กลับตราตรึงใจในระยะยาว เป็นกลิ่นแห่งความหรูหราที่แฝงไว้ด้วยความลึกลับ


บทความที่เกี่ยวข้อง
ฉีดน้ำหอมหลังอาบน้ำดีไหม? ฉีดตอนไหนถึงจะติดทนที่สุด
อยากให้น้ำหอมติดทนนานตลอดวัน? ควรฉีดตอนไหนถึงได้ผลดีที่สุด หลังอาบน้ำเลยดีไหม? บทความนี้มีคำตอบให้คุณ
แนะนำโน๊ตกลิ่นหอมที่เหมาะกับ “ฤดูฝน" TheKingdomScent
หน้าฝนนี้…มาค้นหากลิ่นหอมที่ใช่ เติมบรรยากาศให้สดชื่น อบอุ่น และนุ่มนวลในทุกวันฝนพรำไปกับโน๊ตกลิ่นที่เราคัดมาให้คุณ
วิธีหมักน้ำหอมให้กลิ่นกลมกล่อมและติดทนนาน
Maceration และ Aging คือหัวใจสำคัญของการทำน้ำหอม กลิ่นจะกลมกล่อม ติดทนนาน และมีมิติมากขึ้นเมื่อผ่านกระบวนการหมักอย่างถูกวิธี
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy