กลิ่นหอมต้องห้าม น้ำหอมที่เคยถูกแบนในประวัติศาสตร์
คุณรู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ทุกกลิ่นหอมที่เคยถูกยอมรับในสังคม? บางครั้งกลิ่นที่เราคุ้นเคยหรือถือว่า ล้ำค่า ในยุคหนึ่ง กลับถูกมองว่าเป็นสิ่งต้องห้ามในอีกยุคหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางศาสนา การเมือง กฎหมาย หรือแม้แต่สุขภาพ...
กลิ่นหอมต้องห้ามในประวัติศาสตร์
มัสก์ (Musk) จากสัตว์
เดิมทีมัสก์มาจากต่อมของกวางมัสก์ ซึ่งถือเป็นกลิ่นที่หรูหราและทรงพลัง แต่ในศตวรรษที่ 20 หลายประเทศเริ่มแบนการใช้ เพราะเกี่ยวข้องกับการล่าสัตว์และการคุ้มครองสัตว์ป่า ปัจจุบันจึงใช้ Synthetic Musk แทน
แอมเบอร์กริส (Ambergris)
สารจากลำไส้ปลาวาฬสเปิร์ม เคยถูกมองว่าเป็นวัตถุดิบล้ำค่าในยุโรปยุคกลาง แต่หลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ ห้ามการครอบครองหรือซื้อขาย เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองวาฬภายใต้กฎหมาย CITES
กลิ่นกำยาน (Frankincense) และไม้หอมบางชนิด
ในบางศาสนาและบางช่วงเวลา กำยานเคยถูกห้ามใช้เพราะถูกมองว่าเกี่ยวข้องกับการบูชาเทพต่างศาสนา ตัวอย่างเช่น ยุคโรมันที่คริสตจักรพยายามห้ามการใช้ในพิธีกรรม
โอ๊กมอส (Oakmoss)
หนึ่งในวัตถุดิบหลักของกลิ่น Chypre เคยถูกแบนบางส่วนโดย IFRA (International Fragrance Association) เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ จึงมีการใช้ในสัดส่วนจำกัดหรือใช้สารทดแทน
ทำไมกลิ่นหอมจึงถูกแบน?
- เหตุผลด้านศาสนา กลิ่นบางชนิดถูกเชื่อมโยงกับพิธีกรรมต้องห้าม
- เหตุผลด้านกฎหมาย การคุ้มครองสัตว์หายากและสิ่งแวดล้อม
- เหตุผลด้านสุขภาพ สารก่อภูมิแพ้หรือสารที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย
ประวัติศาสตร์น้ำหอมสอนให้เราเห็นว่า กลิ่นไม่ใช่แค่เรื่องของรสนิยมแต่ยังสะท้อนศาสนา สังคม และความเปลี่ยนแปลงของกฎหมาย การเรียนรู้ กลิ่นหอมต้องห้าม ช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมวงการน้ำหอมในปัจจุบันจึงเน้น ความปลอดภัย ความยั่งยืน และการใช้สารสังเคราะห์มากขึ้น
อ้างอิง (References)
International Fragrance Association (IFRA): https://ifrafragrance.org
CITES (Convention on International Trade in Endangered Species): https://cites.org
Classen, Constance. The Deepest Sense: A Cultural History of Touch. University of Illinois Press, 2012.
Stamelman, Richard. Perfume: Joy, Scandal, Sin A Cultural History of Fragrance.