สารที่ทำให้น้ำหอมติดทนคืออะไร? ไขเคล็ดลับความหอมยาวนาน

น้ำหอมติดทนนานไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาเพียงอย่างเดียว
หลายคนอาจคิดว่าน้ำหอมที่ติดทนนานต้องเป็นน้ำหอมราคาแพงเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว สารที่ใช้เป็นตัวตรึงกลิ่น (Fixative) ต่างหากที่มีบทบาทสำคัญต่อความคงทนของกลิ่น น้ำหอมแต่ละขวดจึงมีกลิ่นติดผิวนานไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ส่วนผสม, สารตรึงกลิ่น, และความเข้มข้นของน้ำหอม ด้วยเช่นกัน
สารตรึงกลิ่น (Fixative) คืออะไร?
สารตรึงกลิ่น หรือ Fixative คือสารที่ช่วยชะลอการระเหยของน้ำหอม ทำให้กลิ่นคงอยู่ได้นานขึ้น โดยทำหน้าที่ ยึดจับ โมเลกุลของกลิ่นไว้ไม่ให้หายไปอย่างรวดเร็ว ปกติแล้วในน้ำหอมจะมีทั้ง Fixative จากธรรมชาติ และ จากสังเคราะห์ ซึ่งแต่ละชนิดมีคุณสมบัติต่างกันดังนี้
1. สารตรึงกลิ่นจากธรรมชาติ (Natural Fixatives)
เป็นสารที่ได้จากพืชหรือสัตว์ มีกลิ่นเฉพาะตัวที่ช่วยเสริมโทนกลิ่นให้ลึกและกลมกล่อมมากขึ้น
- Ambergris (แอมเบอร์กริส)
สารหายากจากปลาวาฬหัวทุย มีกลิ่นอบอุ่น หรูหรา และช่วยให้กลิ่นน้ำหอมติดทนนานมาก เป็นที่นิยมในน้ำหอมระดับลักซ์ชัวรี
- Musk (มัสก์)
เดิมทีได้จากต่อมของกวางมัสก์ แต่ปัจจุบันนิยมใช้ Synthetic Musk แทน ให้กลิ่นสะอาด นุ่มละมุน และติดผิวได้ดีมาก
- Benzoin (เบนซอยน์)
ยางไม้หอมที่ให้กลิ่นหวานแบบวานิลลา ใช้ตรึงกลิ่นในน้ำหอมแนว Oriental หรือ Woody
- Sandalwood (ไม้จันทน์)
ให้กลิ่นอบอุ่น ละเมียดละไม และช่วยยืดอายุความหอมของกลิ่นฟลอรัลได้ดี
2. สารตรึงกลิ่นสังเคราะห์ (Synthetic Fixatives)
ในปัจจุบัน วงการน้ำหอมมักใช้สารสังเคราะห์เพื่อความคงที่ของกลิ่นและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น
Iso E Super ให้กลิ่นแนวไม้บางเบา ช่วยให้กลิ่นติดผิวและโปร่งสบาย
Ambroxan สังเคราะห์แทน Ambergris มีกลิ่นอบอุ่นและติดทนยาวนาน
Galaxolide / Cashmeran เพิ่มมิติความนุ่มลึกและความฟุ้งในกลิ่นแนวมัสก์
Civetone ใช้แทน Civet (สารจากแมวชะมด) ให้กลิ่นอุ่นเซ็กซี่แบบคลาสสิก
สารเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้คงกลิ่นได้ยาวนานโดยไม่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง
ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อน้ำหอมติดทน
นอกจากสารตรึงกลิ่นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อความติดทนของกลิ่นด้วย เช่น
ความเข้มข้นของน้ำหอม (Concentration)
Eau de Cologne (EDC): 2-4%
Eau de Toilette (EDT): 5-15%
Eau de Parfum (EDP): 15-20%
Parfum / Extrait: 20-30%
ยิ่งความเข้มข้นสูง กลิ่นก็จะติดนานมากขึ้น
สภาพผิวของผู้ใช้
ผิวที่ชุ่มชื้นจะช่วยเก็บกลิ่นได้ดีกว่าผิวแห้ง
จุดที่ฉีดน้ำหอม
จุดชีพจรอย่าง ข้อมือ, หลังหู, ข้อพับแขน และซอกคอ เป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิอุ่น ช่วยให้กลิ่นระเหยอย่างสม่ำเสมอ
การเก็บรักษา
หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน เพราะอาจทำให้สารในน้ำหอมเสื่อมและกลิ่นเปลี่ยนได้
เคล็ดลับเพิ่มความหอมให้ติดทนนาน
1. ทาโลชั่นหรือวาสลีนบาง ๆ ก่อนฉีดน้ำหอม
2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในไลน์เดียวกัน เช่น Shower Gel หรือ Body Lotion กลิ่นเดียวกับน้ำหอม
3. ฉีดน้ำหอมบนเสื้อผ้าเบา ๆ (หลีกเลี่ยงผ้าขาว) เพื่อให้กลิ่นฟุ้งนานขึ้น
4. หลีกเลี่ยงการถูข้อมือหลังฉีด เพราะความร้อนจะทำลายโมเลกุลกลิ่น
น้ำหอมที่ติดทนนานไม่ได้มาจากความแรงของกลิ่นเท่านั้น แต่เกิดจากการผสมผสานของสารตรึงกลิ่นที่เหมาะสม ความเข้มข้นที่พอดีและเทคนิคการใช้ที่ถูกวิธี
ดังนั้นหากคุณต้องการน้ำหอมที่หอมทนนาน ควรเลือกกลิ่นที่มีโครงสร้างชัดเจนและใช้สาร Fixative คุณภาพดี เช่น Musk, Ambroxan หรือ Sandalwood กลิ่นหอมที่คงอยู่บนผิวจะกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคุณในทุกวัน


